You are here: BP HOME > PT > Khuddakanikāya: Apadāna > fulltext
Khuddakanikāya: Apadāna

Choose languages

Choose images, etc.

Choose languages
Choose display
  • Enable images
  • Enable footnotes
    • Show all footnotes
    • Minimize footnotes
Search-help
Choose specific texts..
    Click to Expand/Collapse Option Complete text
Click to Expand/Collapse OptionBuddhāpadānaṃ
Click to Expand/Collapse OptionPaccekabuddhāpadānaṃ
Click to Expand/Collapse OptionTherāpadānaṃ
Click to Expand/Collapse OptionTherī Apadāna
I. [BUDDHAVAGGO PAṬHAMO] BUDDHĀPADĀNAṂ 
[๑. พุทธวรรค หมวดว่าด้วยพระพุทธเจ้าเป็นต้น] ๑. พุทธาปทาน พระประวัติในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า 
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa. 
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น 
(No text in PTS) 
[๑] พระอานนทเถระ ผู้เป็นมุนีชาวแคว้นวิเทหะน้อมกายลงทูลถามพระตถาคตผู้ประทับอยู่ณ พระเชตวันมหาวิหารว่าได้ทราบว่า พระสัพพัญญูพุทธเจ้ามีอยู่พระสัพพัญญูพุทธเจ้าเหล่านั้นผู้เป็นนักปราชญ์ทรงอุบัติขึ้นเพราะเหตุอะไร
[๒] ลำดับนั้น พระสัพพัญญูผู้ประเสริฐ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ได้ตรัสกับพระอานนท์ผู้เจริญด้วยพระสุรเสียงที่ไพเราะว่าธีรชนเหล่าใดได้สั่งสมกุศลสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆยังไม่ได้ความหลุดพ้นจากกิเลสในศาสนาของพระชินเจ้าทั้งหลาย
[๓] เพราะมุ่งหน้าต่อสัมโพธิญาณนั้นแลธีรชนผู้มีปัญญาแก่กล้าดีจึงได้บรรลุความเป็นพระสัพพัญญูด้วยอัธยาศัยที่เข้มแข็งและด้วยอำนาจแห่งปัญญา
[๔] ถึงเราก็ได้เป็นผู้มีใจปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าในสำนักของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ หลายพระองค์พระพุทธเจ้าเหล่านั้นทรงเป็นพระธรรมราชา นับไม่ถ้วน 
Atha Buddhāpadānāni suṇātha suddhamānasā /
tiṃsapāramīsampuṇṇā dhammarājā asaṅkhiyā. // ApBud_1 // 
[๕] ต่อไปนี้ ขอให้เธอทั้งหลายผู้มีใจหมดจด จงฟังประวัติในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นพระธรรมราชา สมบูรณ์ด้วยบารมี ๓๐ ประการ นับไม่ถ้วน 
Sambodhiṃ Buddhaseṭṭhānaṃ sasaṅghe lokanāyake /
dasaṅgulī namassitvā sirasā abhivādayiṃ. // ApBud_2 // 
[๖] เรายกนิ้วมือทั้ง ๑๐ นิ้วขึ้น นอบน้อมพระโพธิญาณของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด
อภิวาทพระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก พร้อมด้วยพระสงฆ์ด้วยเศียรเกล้า 
Yāvatā Buddhakhettesu ratanā vijjanti {'saṅkhiyā} /
ākāsaṭṭhā ca bhūmaṭṭhā manasā sabbam āhare. // ApBud_3 // 
[๗] ในพุทธเขต มีรัตนะที่อยู่ในอากาศ
ที่อยู่บนภาคพื้นดิน นับจำนวนไม่ถ้วนอยู่เท่าใด เราพึงนึกนำรัตนะเท่านั้นทั้งหมดมาได้ 
Tattha rūpiyabhūmiyaṃ pāsādaṃ māpaye ahaṃ /
'nekabhūmiṃ ratanamayaṃ ubbiddhaṃ nabham uggataṃ. // ApBud_4 // 
[๘] ณ พื้นที่อันเป็นเงินนั้น
เราได้เนรมิตปราสาทแก้วหลายร้อยชั้น สูงตระหง่านโชติช่วงในท้องฟ้า 
Vicittathambhaṃ sukataṃ suvibhattaṃ mahārahaṃ /
kanakāmayasaṅghātaṃ toraṇacchattamaṇḍitaṃ. // ApBud_5 // 
[๙] มีเสาวิจิตรงดงาม มีค่ามาก
ตั้งอยู่เรียงราย มีขื่อทำด้วยทองคำ (ติดคู่ห่วงทองคำที่ขื่อหรือจันทัน) ประดับด้วยนกกระเรียนและฉัตร 
Paṭhamā veluriyā bhūmi vimalabbhasamā subhā /
naḷinājalajākiṇṇā varakañcanabhūmiyā. // ApBud_6 // 
[๑๐] พื้นชั้นแรกทำด้วยแก้วไพฑูรย์ งดงามดังก้อนเมฆปราศจากมลทิน
มีภาพฝูงปลาและดอกบัวอยู่เกลื่อนกลาด ย่อมงามด้วยพื้นทองคำอย่างดี 
Pavāḷaṃ sapavāḷavaṇṇā kāci-lohitakāsubhā /
indagopakavaṇṇābhā bhūmi obhāsati disā. // ApBud_7 // 
[๑๑] (ที่ปราสาทนั้น) พื้นบางชั้นมีภาพกิ่งไม้อ่อนช้อย มีสีเหมือนสีแก้วประพาฬ
บางชั้นมีสีแดงสด บางชั้นงดงามเปล่งรัศมีดังสีแมลงค่อมทอง บางชั้นสว่างไสวไปทั่วทิศ 
Suvibhattā gharamukhā niyyuhā sīhapañjarā /
caturo vedikā jālā gandhaveḷā manoramā. // ApBud_8 // 
[๑๒] (ที่ปราสาทนั้น) แบ่งพื้นที่เป็นหน้ามุข ระเบียง หน้าต่าง ไว้อย่างดี
มีพวงอุบะหอม ที่น่ารื่นรมย์ใจ ห้อยย้อยจากวลัยไพที และบานประตูข่ายทั้ง ๔ ด้าน 
Nīlā pītā lohitakā odātā suddhakāḷakā /
kūṭāgāravarūpetā sattaratanavibhūsitā. // ApBud_9 // 
[๑๓] (ที่ปราสาทนั้น) ประกอบด้วยเรือนยอดชั้นเยี่ยม
ประดับด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีสีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว สีดำล้วน 
(002) Olokamayā padumā vāḷāvihaṅgasobhitā /
nakkhattatārakākiṇṇā candasuriyehi maṇḍitā. // ApBud_10 // 
[๑๔] (ที่ปราสาทนั้น) มีดอกปทุมชูก้านบานสะพรั่ง งดงามด้วยภาพหมู่เนื้อร้ายและฝูงนก
ดารดาษด้วยดวงดาวพราวพรายระยิบระยับ ประดับด้วยรูปดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ 
Hemajālena sañchannā soṇṇakiṅkiṇikāyutā /
vātavegena kūjanti soṇṇamālā manoramā. // ApBud_11 // 
[๑๕] (ปราสาทนั้น) ใช้ตาข่ายทองคำปกคลุม
ติดข่ายกระดิ่งทองคำ พวงดอกไม้ทองคำ น่ารื่นรมย์ใจ ลมพัดมากระทบเข้าก็เกิดเสียงดังกังวาน 
Mañjeṭṭhakaṃ lohitakaṃ pītakaṃ haripañjaraṃ /
nānāraṅgehi sampītaṃ ussitaddhajamālinī. // ApBud_12 // 
[๑๖] (ที่ปราสาทนั้น) ขึงธงทิวซึ่งย้อมด้วยสีนานาชนิด
คือ ธงสีหงสบาท สีแดง สีเหลือง สีทองชมพูนุท 
Nānābahū 'nekasatā phalakā rajatāmayā /
maṇimayā lohitaṅkā masāragallamayā tathā. // ApBud_13 // 
[๑๗] (ที่ปราสาทนั้น) มีที่นอนต่างๆ งดงาม มากมายหลายร้อยชนิด
ทำด้วยแก้วผลึก เงิน แก้วมณี ทับทิม แก้วลาย ปูด้วยผ้าแคว้นกาสีเนื้อละเอียดอ่อน 
Nānāsayanavicittā saṇhākāsikasanthatā /
kambalā dukulā cīnā paṭṭuṇṇā paṇḍupāvurā /
vividhattharaṇaṃ sabbaṃ manasā paññapem' ahaṃ. // ApBud_14 // 
[๑๘] ผ้าห่มสีเหลือง ทอด้วยด้ายขนสัตว์ ทอด้วยผ้าเปลือกไม้ ทอด้วยฝ้ายเมืองจีน
ทอด้วยฝ้ายเมืองปัตตุณณะ เครื่องปูลาดต่างๆ ทั้งหมดเราอธิษฐานใจปูลาดไว้ 
Tāsu tāsveva bhūmisu ratanakūṭalaṅkataṃ /
maṇiverocanā ukkā dhārayantā sutiṭṭhare. // ApBud_15 // 
[๑๙] แต่ละชั้นประดับด้วยช่อฟ้าซึ่งทำด้วยรัตนะ
มีคนยืนถือประทีปดวงแก้วสว่างไสวอยู่เรียงราย 
Sobhanti esikā thambhā subhā kañcanatoraṇā /
jambonadā sāramayā atho rajatamayā pi ca. // ApBud_16 // 
[๒๐] มีเสาระเนียด (เสาปักเรียงรายตลอดรั้ว) และเสาค่ายทองคำ เสาค่ายทองชมพูนุท เสาค่ายไม้แก่น
(และ)เสาค่ายเงินที่งดงาม ย่อมทำปราสาทนั้นให้งดงาม 
'Nekāsandhīsu vibhattā kavāṭaggaḷacittitā /
ubhato puṇṇaghatā 'neke padumuppalasaṃyutā. // ApBud_17 // 
[๒๑] (ที่ปราสาทนั้น) มีที่ต่อ(ช่อง)หลายแห่งจัดไว้เรียบร้อยดี
มีบานประตูและลูกดาลงดงาม มีกระถางบัวหลวง บัวขาบเรียงรายอยู่ทั้ง ๒ ด้าน 
Atīte sabba-Buddhe ca sasaṅghe lokanāyake /
pakatīvaṇṇarūpena nimminitvā sasāvake. // ApBud_18 // 
[๒๒] เราเนรมิตพระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกในอดีตทุกพระองค์
พร้อมทั้งพระสงฆ์สาวกด้วยวรรณะและรูปตามปกติ 
Tena dvārena pavisitvā sabbe Buddhā sasāvakā /
sabbasovaṇṇaye pīṭhe nisinnā ariyamaṇḍalā. // ApBud_19 // 
[๒๓] พระพุทธเจ้าทุกพระองค์พร้อมด้วยสาวก เป็นหมู่พระอริยะ เสด็จเข้าไปทางประตูนั้น
ประทับนั่งบนตั่งทองคำล้วน 
Ye ca etarahi atthi Buddhā loke anuttarā /
*atītā vattamānā ca bhavanaṃ sabbe samāruhuṃ.* // ApBud_20 // 
[๒๔] พระพุทธเจ้าผู้ยอดเยี่ยมในโลก
ทั้งที่เป็นอดีตและปัจจุบันทุกพระองค์ ได้เสด็จขึ้นสู่ปราสาทของเราแล้ว 
Paccekabuddhe 'nekasate sayambhū aparājite /
atīte vattamāne ca bhavanaṃ sabbe samāhariṃ. // ApBud_21 // 
[๒๕] พระปัจเจกพุทธเจ้าหลายร้อยพระองค์ ผู้เป็นพระสยัมภู ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
ทั้งที่เป็นอดีตและปัจจุบันทั้งหมด ได้เสด็จขึ้นสู่ปราสาทของเราแล้ว 
Kapparukkhā bahū atthi ye dibbā ye ca mānusā /
sabbaṃ dussaṃ samāhantvā acchādemi ticīvaraṃ. // ApBud_22 // 
[๒๖] ต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ และต้นกัลปพฤกษ์มนุษย์ มีมากมาย
เราได้นำผ้าทุกอย่างมาจากต้นกัลปพฤกษ์เหล่านั้น ตัดเย็บเป็นไตรจีวรถวายให้นุ่งห่ม 
Khajjaṃ bhojjaṃ sāyaniyaṃ sampannaṃ pānabhojanaṃ /
maṇimaye subhe patte sampūretvā adās’ ahaṃ // ApBud_23 // 
[๒๗] ของเคี้ยว ของฉัน ของลิ้ม น้ำปานะ รวมทั้งอาหารมีอยู่อย่างเพียบพร้อม
เราถวายบรรจุจนเต็มบาตรแก้วมณีลูกงามทุกลูก 
Dibbavatthā samāhutvā maṭṭhacīvarasaṃyutā /
madhurā sakkharā ceva telā ca madhuphānitā /
tappitā paramannena sabbe te ariyamaṇḍalā. // ApBud_24 // 
[๒๘] หมู่พระอริยะเหล่านั้น เป็นผู้หมดจดจากกิเลส ครองจีวรผ้าทิพย์เสมอกัน
อันข้าพเจ้านิมนต์ฉันจนอิ่มหนำ ด้วยน้ำตาลกรวด น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และข้าวอย่างดี 
(003) *Ratanagabbhaṃ* pavisitvā kesarī va guhāsayā /
mahārahamhi sayane sīhaseyyam akappayuṃ. // ApBud_25 // 
[๒๙] ทั้งหมดได้เข้าไปสู่ห้องแก้ว
เหมือนไกรสรราชสีห์เข้าไปสู่ถ้ำ 
Sampajānā samuṭṭhāya sayane pallaṅkam ābhujuṃ /
gocaraṃ sabbabuddhānaṃ jhānaratisamappitā. // ApBud_26 // 
[๓๐] สำเร็จสีหไสยาสน์บนที่นอนมีค่ามาก
มีสติสัมปชัญญะ ลุกขึ้นแล้ว นั่งขัดสมาธิบนที่นอน 
Aññe dhammāni desenti aññe *kīḷanti iddhiyā /
aññe abhiññā appenti abhiññā*-vasibhāvitā /
vikubbanā vikubbanti aññe 'nekasatasahassiyo. // ApBud_27 // 
[๓๑] ซึ่งเป็นอารมณ์ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
แนบแน่นด้วยความยินดีในฌาน หมู่หนึ่งแสดงธรรม หมู่หนึ่งยินดีด้วยฤทธิ์ 
Buddhā *pi* buddhe pucchanti visayaṃ sabbaññum ālayaṃ /
gambhīraṃ nipuṇaṃ ṭhānaṃ paññāya vinibujjhare. // ApBud_28 // 
[๓๒] หมู่หนึ่งเข้าอัปปนาฌาน
หมู่หนึ่งเจริญอภิญญาวสี แสดงฤทธิ์ได้หลายร้อยหลายพันประการ 
Sāvakā buddhe pucchanti buddhā pucchanti sāvake /
aññamaññañ ca pucchanti añña*maññaṃ byākaronti te.* // ApBud_29 // 
[๓๓] ฝ่ายพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ถามพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ถึงปัญหาอันเป็นวิสัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณ
พระพุทธเจ้าเหล่านั้นก็ทรงรู้แจ้งเหตุอันลึกซึ้งละเอียดอ่อนด้วยปัญญา 
Buddhā paccekabuddhā ca sāvakā paricārakā /
evaṃ ratīsu rammānā pāsāde 'bhiramanti te. // ApBud_30 // 
[๓๔] สาวกทั้งหลายก็ทูลถามพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ตรัสถามสาวกทั้งหลาย
ทั้งพระพุทธเจ้าและสาวกเหล่านั้นต่างก็ถามตอบกันและกัน 
Suvaṇṇajālābhi saṃyuttaṃ rajatajālamaṇīhi ca /
muttajālaparikkhittaṃ chattaṃ dhārentu matthake. // ApBud_31 // 
[๓๕] พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และสาวกผู้ปรนนิบัติเหล่านั้น
ต่างรื่นรมย์ยินดีในปราสาทด้วยความยินดีด้วยประการฉะนี้ 
Bhavantu celavitānā soṇṇatārakacittitā /
vicittā malyavitatā sabbe dhārentu matthake. // ApBud_32 // 
[๓๖] (พระเจ้าติโลกวิชัยทรงดำริว่า) ฉัตรตั้งซ้อนกัน มีรัศมีเปล่งปลั่งดังแก้วไพฑูรย์
ขอให้ทุกคนจงกั้นฉัตร มีตาข่ายทองคำห้อยระย้า ประดับด้วยตาข่ายเงิน แวดล้อมด้วยตาข่ายแก้วมุกดาไว้เหนือศีรษะข้าพเจ้า 
Vitatā malyadāmehi gandhadāmehi sobhitā /
dussadāmehi parikiṇṇā ratanadāmavibhūsitā. // ApBud_33 // 
[๓๗] มีเพดานผ้าติดดวงดาวทองมีแสงแวววาว
มีพวงมาลัยห้อยอยู่ทั่วงดงามตระการตา เพดานผ้าทั้งหมด จงดาดอยู่เหนือศีรษะ 
Pupphābhikiṇṇā sucittā surabhigandhadhūpitā /
gandhapañcaṅgulaṅkitā hemacchadanachāditā. // ApBud_34 // 
[๓๘] สระที่ดารดาษด้วยพวงมาลัย
งดงามด้วยพวงของหอม มีพวงผ้าห้อยระย้า ประดับประดาด้วยพวงรัตนะ 
Catuddisā pokkharañño padumuppalasanthatā /
sovaṇṇarūpe khāyantu padumareṇurajuggatā. // ApBud_35 // 
[๓๙] มีดอกไม้เรียงราย งดงามนัก อบด้วยของหอมกลิ่นฟุ้งขจายไป
ใช้นิ้วมือทั้ง ๕ เจิมด้วยของหอม มุงด้วยหลังคาทองคำ 
Pupphantu pādapā sabbe pāsādassa samantato /
sayañ ca pupphā muñcitvā gandhā bhavanam okiruṃ. // ApBud_36 // 
[๔๐] ทั้ง ๔ ทิศ (แห่งปราสาท) ดารดาษด้วยดอกปทุมและดอกอุบล
ปรากฏเป็นสีทอง หอมฟุ้งด้วยละอองเกสรดอกปทุม 
Sikhino tattha naccantu divyā haṃsā pakūjare /
karavīkā ca gāyantu dijasaṅghā samantato. // ApBud_37 // 
[๔๑] รอบๆ ปราสาท ต้นไม้ทุกต้นจงออกดอกบานสะพรั่ง
ดอกไม้หล่นเอง ปลิวไปโปรยปราสาท 
Bheriyo sabbā vajjantu vīṇā sabbā ravantu tā /
sabbā saṅgītī vattantu pāsādassa sāmantato. // ApBud_38 // 
[๔๒] ใกล้ๆ ปราสาทนั้น ขอฝูงนกยูงจงรำแพน (หาง) ฝูงหงส์ทิพย์จงส่งเสียงร้อง
ฝูงนกการเวกจงร้องขับขาน วิหคก็จงส่งเสียงขับขานอยู่รอบๆ ปราสาท 
(004) Yāvatā buddhakhettamhi cakkavāle ca-m-uppari /
mahantā jotisampannā acchiddā ratanāmayā // ApBud_39 // 
[๔๓] กลองทุกชนิดจงดังขึ้น พิณทุกชนิดจงบรรเลง
เครื่องสังคีตทุกชนิดจงบรรเลงขับกล่อมอยู่รอบๆ ปราสาท 
Tiṭṭhantu soṇṇapallaṅkā; dīparukkhā jalantu te /
bhavantu ekapajjotā dasasahassī paramparā. // ApBud_40 // 
[๔๔-๔๕] ตลอดพุทธเขตและในจักรวาล
ต่อจากนั้นจงมีบัลลังก์ทองขนาดใหญ่ เรืองรองด้วยรัศมี ไม่มีช่องว่าง
ขลิบด้วยรัตนะ ตั้งอยู่ (รอบๆ ปราสาท) ขอต้นพฤกษาประทีป จงส่องสว่าง
มีแสงโชติช่วงติดต่อเป็นอันเดียวกันทั้ง ๑๐,๐๐๐ ดวง 
Gaṇikā lāsikā c’ eva naccantu accharāgaṇā /
nānāraṅgā padissantu pāsādassa samantato. // ApBud_41 // 
[๔๖] หญิงนักฟ้อนก็จงฟ้อน หญิงนักร้องก็จงขับร้อง
หมู่นางอัปสรก็จงร่ายรำ สนามเต้นรำต่างๆ จงปรากฏอยู่รอบๆ ปราสาท 
Dumagge pabbatagge vā Sinerugirimuddhane /
ussāpemi dhajaṃ sabbaṃ vicittaṃ pañcavaṇṇikaṃ. // ApBud_42 // 
[๔๗] เรา(ผู้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีนามว่าติโลกวิชัยในครั้งนั้น)
สั่งให้ยกธงทุกชนิด วิจิตรงดงาม ๕ สีไว้บนยอดไม้ บนยอดภูเขา และบนยอดภูเขาสิเนรุ 
Nārā nāgā ca gandhabbā sabbe devā upentu te /
namassantā pañjalikā pāsādaṃ parivārayuṃ. // ApBud_43 // 
[๔๘] หมู่มนุษย์ หมู่นาค หมู่คนธรรพ์ และหมู่เทวดา ทั้งหมดนั้น
จงเข้ามาประนมมือนอบน้อมแวดล้อมปราสาทของเรา 
Yaṃ kiñci kusalaṃ kammaṃ kattabbaṃ kiriyaṃ mama /
kāyena vācā manasā tidase sukataṃ kataṃ. // ApBud_44 // 
[๔๙] กุศลกรรมใดๆ ควรเพื่อบังเกิดในสวรรค์ชั้นไตรทิพย์
ที่ข้าพเจ้าพึงกระทำด้วยกาย วาจา ใจ กุศลกรรมนั้นทั้งหมด ข้าพเจ้าได้กระทำแล้ว 
Ye sattā saññino atthi ye ca sattā asaññino /
kataṃ puññaphalaṃ mayhaṃ sabbe bhāgī bhavantu te. // ApBud_45 // 
[๕๐] สัตว์เหล่าใดมีสัญญาก็ตาม และสัตว์เหล่าใดไม่มีสัญญาก็ตามมีอยู่
ขอสัตว์เหล่านั้นทั้งหมดจงเป็นผู้มีส่วนเสวยผลบุญที่เราทำแล้ว 
Yesaṃ kataṃ suviditaṃ dinnaṃ puññaphalaṃ mayā /
ye ca tattha na jānanti devā gantvā nivedayuṃ. // ApBud_46 // 
[๕๑] สัตว์เหล่าใดรู้ว่าเราทำบุญ ขอสัตว์เหล่านั้น จงมีส่วนเสวยผลบุญที่เราให้แล้ว
ก็ในบรรดาสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดไม่รู้ ขอเทวดาจงไปประกาศให้สัตว์เหล่านั้นทราบ 
Sabbe lokamhi ye sattā jīvantāhārahetukā /
manuññaṃ bhojanaṃ sabbaṃ labhantu mama cetasā. // ApBud_47 // 
[๕๒] เหล่าสัตว์ในโลกผู้อาศัยอาหารเลี้ยงชีวิตทุกจำพวก
ขอจงได้โภชนาหารที่น่าพอใจ ตามเจตนาของเรา 
Manasā dānaṃ mayā dinnaṃ manasā pasādam āvahiṃ /
pūjitā sabba-Sambuddhā paccekā jinasāvakā. // ApBud_48 // 
[๕๓] เราให้ทานด้วยใจ ยึดถือความเลื่อมใสด้วยใจ
เราได้บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์
พร้อมทั้งพระปัจเจกพุทธเจ้าและสาวกของพระชินเจ้าแล้ว 
Tena kammena sukatena cetanā paṇidhīhi ca /
jahitvā mānusaṃ dehaṃ Tāvatiṃsam agañch’ ahaṃ. // ApBud_49 // 
[๕๔] ด้วยกรรมที่เราทำไว้ดีแล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น
เราละร่างกายมนุษย์แล้วจึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 
Duve bhave pajānāmi devatte atha mānuse /
aññaṃ gatiṃ na jānāmi manasā patthanāphalaṃ. // ApBud_50 // 
[๕๕] เรารู้จักแต่ภพทั้ง ๒
คือความเป็นเทวดาหรือความเป็นมนุษย์
มิได้รู้จักคติอื่นเลย
นี้เป็นผลแห่งความปรารถนาด้วยใจ 
Devānaṃ adhiko homi bhavāmi manujādhipo /
rūpalakkhaṇasampanno paññāya asamo bhave. // ApBud_51 // 
[๕๖] (เมื่อเราเกิดเป็นเทวดา) เราก็ยิ่งใหญ่กว่าพวกเทวดา
(เมื่อเราเกิดเป็นมนุษย์) เราก็ยิ่งใหญ่กว่าพวกมนุษย์
เราสมบูรณ์ด้วยรูปลักษณะ ไม่มีใครเสมอด้วยปัญญา 
Bhojanaṃ vividhaṃ seṭṭhaṃ ratanañ ca anappakaṃ /
nānāvidhāni vatthāni nabhā khippam upenti maṃ. // ApBud_52 // 
[๕๗] โภชนะมีรสอร่อยหลายชนิด รัตนะมิใช่น้อย
ผ้าชนิดต่างๆ จากฟากฟ้า ย่อมเข้ามาหาเราเร็วพลัน 
Puthavyā pabbate c’ eva ākāse udake vane /
yaṃyaṃ hatthaṃ pasāremi dibbā bhakkhā upenti maṃ. // ApBud_53 // 
[๕๘] เราเหยียดมือไปในที่ใดๆ จะเป็นบนพื้นดิน
ภูเขา อากาศ ในน้ำ และในป่า ก็ตาม
ภักษาหารอันเป็นทิพย์ (อาหารทิพย์)
จากที่นั้นๆ ย่อมเข้ามาหาเรา 
Puthavyā pabbate c’ eva ākāse udake vane /
yaṃyaṃ hatthaṃ pasāremi ratanā sabbe upenti me. // ApBud_54 // 
[๕๙] เราเหยียดมือไปในที่ใดๆ จะเป็นบนพื้นดิน
ภูเขา อากาศ ในน้ำ และในป่า ก็ตาม
รัตนะทุกอย่างจากที่นั้นๆ ย่อมเข้ามาหาเรา 
(005) Puthavyā pabbate c’ eva ākāse udake vane /
Yaṃyaṃ hatthaṃ pasāremi sabbe gandhā upenti me. // ApBud_55 // 
[๖๐] เราเหยียดมือไปในที่ใดๆ จะเป็นบนพื้นดิน
ภูเขา อากาศ ในน้ำ และในป่า ก็ตาม
ของหอมทุกอย่างจากที่นั้นๆ ย่อมเข้ามาหาเรา 
Puthavyā pabbate c’ eva ākāse udake vane /
yaṃyaṃ hatthaṃ pasāremi sabbe yānā upenti me. // ApBud_56 // 
[๖๑] เราเหยียดมือไปในที่ใดๆ จะเป็นบนพื้นดิน
ภูเขา อากาศ ในน้ำ และในป่า ก็ตาม
ยานพาหนะทุกอย่างจากที่นั้นๆ ย่อมเข้ามาหาเรา 
Puthavyā pabbate c’ eva ākāse udake vane /
yaṃyaṃ hatthaṃ pasāremi sabbe mālā upenti me. // ApBud_57 // 
[๖๒] เราเหยียดมือไปในที่ใดๆ จะเป็นบนพื้นดิน
ภูเขา อากาศ ในน้ำ และในป่า ก็ตาม
ดอกไม้ทุกอย่างจากที่นั้นๆ ย่อมเข้ามาหาเรา 
Puthavyā pabbate c’ eva ākāse udake vane /
yaṃyaṃ hatthaṃ pasāremi alaṅkārā upenti me. // ApBud_58 // 
[๖๓] เราเหยียดมือไปในที่ใดๆ จะเป็นบนพื้นดิน
ภูเขา อากาศ ในน้ำ และในป่า ก็ตาม
เครื่องประดับทุกอย่างจากที่นั้นๆ ย่อมเข้ามาหาเรา 
Puthavyā pabbate c’ eva ākāse udake vane /
yaṃyaṃ hatthaṃ pasāremi sabbā kaññā upenti me. // ApBud_59 // 
[๖๔] เราเหยียดมือไปในที่ใดๆ จะเป็นบนพื้นดิน
ภูเขา อากาศ ในน้ำ และในป่า ก็ตาม
หญิงสาวทั้งมวลจากที่นั้นๆ ย่อมเข้ามาหาเรา 
Puthavyā pabbate c’ eva ākāse udake vane /
yaṃyaṃ hatthaṃ pasāremi upenti madhusakkharā. // ApBud_60 // 
[๖๕] เราเหยียดมือไปในที่ใดๆ จะเป็นบนพื้นดิน
ภูเขา อากาศ ในน้ำ และในป่า ก็ตาม
น้ำผึ้งและน้ำตาลกรวดจากที่นั้นๆ ย่อมเข้ามาหาเรา 
Puthavyā pabbate c’ eva ākāse udake vane /
yaṃyaṃ hatthaṃ pasāremi sabbe khajjā upenti maṃ. // ApBud_61 // 
[๖๖] เราเหยียดมือไปในที่ใดๆ จะเป็นบนพื้นดิน
ภูเขา อากาศ ในน้ำ และในป่า ก็ตาม
ของขบเคี้ยวทุกอย่างจากที่นั้นๆ ย่อมเข้ามาหาเรา 
*Adhane addhikajane yācake ca pathāvino* /
yam me kataṃ dānavaraṃ sambodhivarapattiyā. // ApBud_62 // 
[๖๗] เราให้ทานอย่างดีแก่คนไร้ทรัพย์
คนเดินทางไกล คนขอทาน และคนหลงทาง
เพื่อต้องการจะบรรลุสัมโพธิญาณอันประเสริฐ 
Nādento pabbataṃ selaṃ gajjento bahalaṃ giriṃ /
sadevalokaṃ hāsento buddho loke bhavām’ ahaṃ. // ApBud_63 // 
[๖๘] เราทำให้ภูเขาศิลาล้วนบันลือ
ทำให้ภูเขาหนาทึบกระหึ่ม
ทำให้มนุษยโลกพร้อมทั้งเทวโลกร่าเริง
จะเป็นพระพุทธเจ้าในโลก 
Disā dasavidhā loke yāyato n’ atthi antakaṃ /
tasmiñ ca disābhāgamhi buddhakhettā asaṅkhiyā. // ApBud_64 // 
[๖๙] ทิศทั้ง ๑๐ ในโลก เมื่อคนเดินไป
ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ในส่วนแห่งทิศนั้น
พุทธเขตก็นับจำนวนไม่ถ้วน(เหมือนกัน) 
Pabhāpakittitā mayhaṃ yamakā raṃsivāhanā /
etth’ antare raṃsijālaṃ āloko vipulo bhave. // ApBud_65 // 
[๗๐] แสงสว่างตามปกติของเรา(ในสมัยเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ)
ปรากฏเปล่งรังสีออกมาเป็นคู่ๆ
ข่ายรัศมีมีอยู่ในระหว่างนี้ แสงสว่างมีอย่างไพบูลย์ 
Ettake lokadhātumhi sabbe passantu maṃ janā /
sabbe ca sumanā hontu sabbe mam anuvattare. // ApBud_66 // 
[๗๑] ขอประชาชนทั้งหมดในโลกธาตุประมาณเท่านี้
จงมองเห็นเรา ทั้งหมดจงดีใจ ทั้งหมดจงคล้อยตามเรา 
Visiṭṭhamadhunādena amataṃ bherim āhane /
etth’ antare janā sabbe suṇantu madhuraṃ giraṃ. // ApBud_67 // 
[๗๒] เราตีกลองอมฤตมีเสียงไพเราะกังวาน
ขอประชาชนในระหว่างนี้ จงฟังเสียงที่ไพเราะ(ของเรา) 
Dhammameghena vassante sabbe hontu anāsavā /
ye 'ttha pacchimakā sattā sotāpannā bhavantu te. // ApBud_68 // 
[๗๓] เมื่อตถาคตบันดาลเมฆฝนคือพระธรรมให้ตกลง
ขอชนทั้งหมดจงเป็นผู้ไม่มีอาสวะ
บรรดาผู้ที่ประชุมกันอยู่ในที่นี้
ผู้มีคุณต่ำสุด จงเป็นพระโสดาบัน 
Datvā dātabbakaṃ dānaṃ sīlaṃ pūretv’ asesato /
nekkhamme pāramiṃ patvā patto sambodhim uttamaṃ. // ApBud_69 // 
[๗๔] เราให้ทานที่ควรให้แล้ว บำเพ็ญศีลบารมีอย่างเต็มเปี่ยม
สำเร็จเนกขัมมบารมีแล้วบรรลุสัมโพธิญาณอันสูงสุด 
(006) Paṇḍite paripucchitvā katvā viriyam uttamaṃ /
khantiyā pāramiṃ gantvā patto sambodhim uttamaṃ. // ApBud_70 // 
[๗๕] เราสอบถามบัณฑิตทั้งหลาย (บำเพ็ญปัญญาบารมีแล้ว)
บำเพ็ญวิริยบารมีแล้ว
สำเร็จขันติบารมีแล้วบรรลุสัมโพธิญาณอันสูงสุด 
Katvā saccam adhiṭṭhānaṃ pūretvā saccapāramiṃ /
mettāya pāramiṃ gantvā patto sambodhim uttamaṃ. // ApBud_71 // 
[๗๖] เราบำเพ็ญอธิษฐานบารมีแล้ว
บำเพ็ญสัจจบารมีแล้ว สำเร็จเมตตาบารมีแล้ว
บรรลุสัมโพธิญาณอันสูงสุด 
Lābhālābhe sukhe dukkhe sammāne ca vimānane /
sabbattha samako hutvā patto sambodhim uttamaṃ. // ApBud_72 // 
[๗๗] เรามีใจสม่ำเสมอในอารมณ์ทั้งปวง
คือทั้งในลาภ ในความเสื่อมลาภ ในความสุข ในความทุกข์
ในการนับถือและในการถูกดูหมิ่น (บำเพ็ญอุเบกขาบารมีแล้ว)
บรรลุสัมโพธิญาณอันสูงสุด 
Kosajjaṃ bhayato disvā viriyañ cāpi khemato /
āraddhavīriyā hotha esā Buddhānusāsanī. // ApBud_73 // 
[๗๘] ท่านทั้งหลาย จงเห็นความเกียจคร้านเป็นสิ่งน่ากลัว
แต่จงเห็นความเพียรเป็นสิ่งปลอดภัย
จงบำเพ็ญเพียรกันเถิด
นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า 
Vivādaṃ bhayato disvā avivādaṃ ca khemato /
samaggā sakhilā hotha esā Buddhānusāsanī. // ApBud_74 // 
[๗๙] ท่านทั้งหลาย จงเห็นการวิวาทกันเป็นสิ่งน่ากลัว
แต่จงเห็นการไม่วิวาทกันเป็นสิ่งปลอดภัย
จงสมัครสมานสามัคคีกัน พูดจาไพเราะกันเถิด
นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า 
Pamādaṃ bhayato disvā appamādañ ca khemato /
bhāveth’ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ esā Buddhānusāsanī. // ApBud_75 // 
[๘๐] ท่านทั้งหลาย จงเห็นความประมาทเป็นสิ่งน่ากลัว
แต่จงเห็นความไม่ประมาทเป็นสิ่งปลอดภัย
จงเจริญมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เถิด
นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า 
Samāgatā bahū Buddhā arahanto ca sabbaso /
Sambuddhe arahante ca vandamānā namassatha. // ApBud_76 // 
[๘๑] พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์จำนวนมากมาประชุมพร้อมกัน
ท่านทั้งหลายจงกราบไหว้พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์เถิด 
Evaṃ acintiyā Buddhā Buddhadhammā acintiyā /
acintiyesu pasannānaṃ vipāko hoti acintiyo ti. // ApBud_77 // 
[๘๒] ตามที่กล่าวมานี้ พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นอจินไตย
ธรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นอจินไตย
สำหรับผู้ที่เลื่อมใสในอจินไตย ย่อมมีวิบากเป็นอจินไตย ดังนี้แล 
Itthaṃ sudaṃ Bhagavā attano buddhacaritaṃ sambhāvayamāno Buddhānaṃ 'padāniyaṃ nāma dhammapariyāyaṃ abhāsitthā ti. 
ได้ทราบว่า พระผู้มีพระภาคเมื่อจะทรงให้พระอานนทเถระทราบพุทธจริตของพระองค์จึงได้ตรัสธรรมบรรยายชื่อว่าพุทธาปทานิยะ (การประกาศประวัติในอดีต-ชาติของพระพุทธเจ้า) ด้วยประการฉะนี้ 
Buddhāpadānaṃ samattaṃ. 
พุทธาปทานจบ 
Go to Wiki Documentation
Enhet: Det humanistiske fakultet   Utviklet av: IT-seksjonen ved HF
Login