You are here: BP HOME > PT > Khuddakanikāya: Apadāna > fulltext
Khuddakanikāya: Apadāna

Choose languages

Choose images, etc.

Choose languages
Choose display
  • Enable images
  • Enable footnotes
    • Show all footnotes
    • Minimize footnotes
Search-help
Choose specific texts..
    Click to Expand/Collapse Option Complete text
Click to Expand/Collapse OptionBuddhāpadānaṃ
Click to Expand/Collapse OptionPaccekabuddhāpadānaṃ
Click to Expand/Collapse OptionTherāpadānaṃ
Click to Expand/Collapse OptionTherī Apadāna
(007) II. PACCEKABUDDHĀPADĀNAṂ 
๒. ปัจเจกพุทธาปทาน 
Atha paccekabuddhāpadānaṃ suṇātha. 
ประวัติในอดีตชาติของพระปัจเจกพุทธเจ้า (ต่อไปนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายจงฟังประวัติในอดีตชาติของพระปัจเจกพุทธเจ้า) 
Tathāgataṃ Jetavane vasantaṃ apucchi Vedehamuni nataṅgo: /
‘Paccekabuddhā kira nāma honti bhavanti te hetuhi kehi dhīrā?’ // ApPac_1 // 
[๘๓] พระอานนทเถระ ผู้เป็นมุนีชาวแคว้นวิเทหะ
น้อมกายลง ทูลถามพระตถาคตผู้ประทับอยู่
ณ พระเชตวันมหาวิหารว่า ข้าแต่พระธีรเจ้า
ได้ทราบว่า พระปัจเจกพุทธเจ้ามีอยู่ พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น
ผู้เป็นนักปราชญ์ อุบัติขึ้นเพราะเหตุอะไร 
Tadāha sabbaññuvaro mahesi Ānandabhaddaṃ madhurassarena: /
Ye sabbabuddhesu katādhikārā aladdhamokkhā Jinasāsanesu. // ApPac_2 // 
[๘๔] ลำดับนั้น พระสัพพัญญูผู้ประเสริฐ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ได้ตรัสกับพระอานนท์ผู้เจริญด้วยพระสุรเสียงที่ไพเราะว่า
ธีรชนเหล่าใดได้สั่งสมกุศลสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
ยังไม่ได้ความหลุดพ้นจากกิเลสในศาสนาของพระชินเจ้าทั้งหลาย 
Ten’ eva saṃvegamukhena dhīrā vināpi buddhehi sutikkhapaññā /
ārammaṇenāpi parittakena paccekabodhiṃ anupāpuṇanti. // ApPac_3 // 
[๘๕] เพราะมีความสลดใจนั้นแลเป็นตัวนำ
ธีรชนเหล่านั้นผู้มีปัญญาแก่กล้าดี ถึงจะเว้นจากพระพุทธเจ้า
ก็ย่อมบรรลุปัจเจกโพธิญาณได้ แม้ด้วยอารมณ์เพียงนิดหน่อย 
Sabbamhi *lokamhi mamaṃ ṭha*petvā paccekabuddhehi samo 'va n’ atthi. /
Tesaṃ imaṃ vaṇṇapadesamattaṃ vakkhām’ ahaṃ sādhu mahāmunīnaṃ. // ApPac_4 // 
[๘๖] ในโลกทั้งปวง ยกเว้นเราเสียแล้ว
ไม่มีใครเสมอกับพระปัจเจกพุทธเจ้าได้เลย
เราจักบอกคุณเพียงสังเขปนี้ของพระปัจเจกพุทธเจ้า
ผู้เป็นมหามุนีเหล่านั้นอย่างชัดเจน 
Sayaṃ eva buddhānaṃ mahāisīnaṃ sādhūni vākyāni madhuñ ca khuddaṃ /
anuttaraṃ bhesajaṃ patthayantā suṇotha sabbe supasannacittā. // ApPac_5 // 
[๘๗] เธอทุกรูปเมื่อปรารถนาพระนิพพานอันเป็นโอสถวิเศษ
มีใจผ่องใสดีแล้ว ก็จงตั้งใจฟังถ้อยคำที่ไพเราะ
ดุจน้ำผึ้งหยาดน้อยๆ (เกี่ยวกับประวัติ)
ของพระปัจเจกพุทธเจ้า
ผู้เป็นมหาฤๅษี ผู้ตรัสรู้ได้เองเถิด 
*Paccekabuddhānaṃ samāga*tānaṃ paramparavyākaraṇāni yāni /
ādīnavo yañ ca virāgavatthuṃ yathā ca bodhiṃ anupāpuṇiṃsu. // ApPac_6 // 
[๘๘] ประวัติในอดีต การพยากรณ์ โทษ
เหตุปราศจากความกำหนัดอันใด
ของพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้อุบัติขึ้นแต่ละองค์ๆ
และพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายได้บรรลุพระโพธิญาณด้วยเหตุอันใด 
(008) Saṃrāgavatthūsu virāgasaññī rattamhi lokamhi virattacittā /
hitvā papañcaṃ jitaphanditāni tatth’ eva bodhiṃ anupāpuṇiṃsu. // ApPac_7 // 
[๘๙] พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายมีการกำหนดหมาย
ในวัตถุที่น่ารักใคร่ ว่าปราศจากความน่ารักใคร่
มีจิตคลายกำหนัดในโลกที่มีสภาวะน่ากำหนัด
ละกิเลสที่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า ชนะทิฏฐิที่เป็นเหตุให้ดิ้นรนแล้ว
ได้บรรลุพระโพธิญาณเพราะเหตุอันนั้นนั่นเอง 
Sabbesu bhūtesu nidhāya daṇḍaṃ aviheṭhayaṃ aññataram pi tesaṃ /
mettena cittena hitānukampī eko care khaggavisānakappo. // ApPac_8 // 
[๙๐] บุคคลยกโทษในสัตว์ทุกจำพวก
ไม่เบียดเบียนสัตว์หนึ่งสัตว์ใดในบรรดาสัตว์เหล่านั้น
มีจิตเมตตา หวังประโยชน์เกื้อกูล
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
*Sabbesu bhūtesu nidhāya daṇḍaṃ aviheṭhayaṃ aññataraṃ pi tesaṃ /
na puttam iccheyya kuto sahāyaṃ eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_9 // 
[๙๑] (พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งกล่าวว่า)
บุคคลยกโทษในสัตว์ทุกจำพวก
ไม่เบียดเบียนสัตว์หนึ่งสัตว์ใดในบรรดาสัตว์เหล่านั้น
ก็ไม่ต้องการบุตร(แล้ว) จะพึงต้องการสหายจากไหนเล่า
พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Saṃsaggajātassa bhavanti snehā snehanvayaṃ dukkhaṃ idaṃ pahoti /
ādīnavaṃ snehajaṃ pekkhamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_10 // 
[๙๒] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
ความรักย่อมมีแก่ผู้มีความเกี่ยวข้อง
ทุกข์นี้ย่อมเป็นไปตามความรัก
บุคคลเมื่อเพ่งเห็นโทษอันเกิดจากความรัก
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Mitte suhajje anukampamāno hāpeti atthaṃ paṭibandhacitto /
etaṃ bhayaṃ santhave pekkhamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_11 // 
[๙๓] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
บุคคลเมื่ออนุเคราะห์มิตร สหายผู้ใจดี
มีใจผูกพัน ย่อมทำประโยชน์ให้เสื่อมประโยชน์ไปได้
บุคคลเมื่อเพ่งเห็นภัยในความเชยชิด
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Vaṃso visālo va yathā visatto puttesu dāresu ca yā apekkhā /
vaṃsakkaḷīro va asajjamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_12 // 
[๙๔] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
กอไผ่กว้างใหญ่เกาะเกี่ยวกันไว้ฉันใด
ความห่วงใยในบุตรและทาระ
ก็กว้างใหญ่เกาะเกี่ยวกันไว้ฉันนั้น
บุคคลเมื่อไม่เกี่ยวข้องเหมือนหน่อไผ่
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Migo araññamhi yathā abandho yenicchakaṃ gacchati gocarāya /
viññu naro seritaṃ pekkhamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_13 // 
[๙๕] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
เนื้อในป่า มิได้ถูกผูกมัดไว้ย่อมเที่ยวหาอาหารได้
ตามความพอใจฉันใด
วิญญูชนเมื่อเพ่งเห็นธรรมที่ให้ถึงความเสรี
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Āmantaṇā hoti sahāyamajjhe vāse ṭhāne gamane cārikāya /
anabhijjhitaṃ seritaṃ pekkhamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_14 // 
[๙๖] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
ในท่ามกลางสหาย ย่อมมีการปรึกษากัน
ในเรื่องที่อยู่ เรื่องการดำรงตน เรื่องการไป เรื่องการเที่ยวจาริก
บุคคลเมื่อเพ่งการบวชที่ให้ถึงความเสรีที่พวกคนพาลไม่มุ่งหวัง
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Khiḍḍā ratī hoti sahāyamajjhe puttesu pemaṃ vipulañ ca hoti /
piyavippayogaṃ vijigucchamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_15 // 
[๙๗] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
ในท่ามกลางสหายย่อมมีการเล่น มีความยินดี
และในบุตรก็ย่อมมีความรักอันไพบูลย์
บุคคลเมื่อรังเกียจความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รัก
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
(009) Catuddiso appaṭigho ca hoti santussamāno itarītarena /
parissayānaṃ sahitā achambhī eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_16 // 
[๙๘] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งเปล่งอุทานว่า)
พระปัจเจกพุทธเจ้าแผ่เมตตาไปทั้ง ๔ ทิศ ไม่ขัดเคือง
ยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้
ครอบงำอันตรายทั้งหลายและไม่หวาดเสียว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Dussaṅgahā pabbajitā pi eke atho gahaṭṭhā gharam āvasantā /
apposukko paraputtesu hutvā eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_17 // 
[๙๙] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
แม้บรรพชิตพวกหนึ่งและคฤหัสถ์ที่กำลังครองเรือน
ก็สงเคราะห์ยาก
บุคคลพึงเป็นผู้ขวนขวายน้อยทั้งในผู้อื่นและในบุตร
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Oropayitvā gihibyañjanāni sañchinnapatto yathā koviḷāro /
chetvāna vīro gihibandhanāni eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_18 // 
[๑๐๐] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้กล้าหาญ
ปลงเครื่องหมายคฤหัสถ์แล้ว
ตัดเครื่องผูกพันของคฤหัสถ์แล้ว
เหมือนต้นทองหลางที่ใบร่วงหล่นแล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Sace labhetha nipakaṃ sahāyaṃ saddhiṃcaraṃ sādhuvihāri dhīraṃ /
abhibhūya sabbāni parissayāni careyya ten’ attamano satīmā. // ApPac_19 // 
[๑๐๑] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
ถ้าบุคคลพึงได้สหายผู้มีปัญญารักษาตน
เที่ยวไปด้วยกัน เป็นสาธุวิหารี เป็นนักปราชญ์
ครอบงำอันตรายทั้งปวงได้แล้ว
พึงมีใจแช่มชื่น มีสติ เที่ยวไปกับสหายนั้นเถิด 
No ce labhetha nipakaṃ sahāyaṃ saddhiṃcaraṃ sādhuvihāri dhīraṃ /
rājā 'va raṭṭhaṃ vijitaṃ pahāya eko care mātaṅgaraññe va nāgo. // ApPac_20 // 
[๑๐๒] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
ถ้าบุคคลไม่พึงได้สหายผู้มีปัญญารักษาตน
เที่ยวไปด้วยกัน เป็นสาธุวิหารี เป็นนักปราชญ์
ก็พึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเถิด
เหมือนพระราชาทรงละทิ้งแคว้นที่ทรงชนะแล้ว
ทรงประพฤติอยู่พระองค์เดียว
เหมือนช้างมาตังคะละทิ้งโขลงอยู่ตัวเดียวในป่า ฉะนั้น 
addhā pasaṃsāma sahāyasampadaṃ seṭṭhā samā sevitabbā sahāyā /
ete aladdhā anavajjabhojī eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_21 // 
[๑๐๓] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
เราสรรเสริญสหายสัมปทาโดยแท้
บุคคลควรคบหาสหายผู้ประเสริฐสุด (หรือ) ผู้เสมอกัน
ถ้าบุคคลไม่ได้สหายเหล่านี้
พึงเป็นผู้บริโภคปัจจัยอันไม่มีโทษ
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Disvā suvaṇṇassa pabhassarāni kammāraputtena suniṭṭhitāni /
saṅghaṭṭamānāni duve bhujasmiṃ eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_22 // 
[๑๐๔] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
บุคคลเห็นกำไลทอง ๒ วง อันสุกปลั่ง
ที่ช่างทองทำสำเร็จอย่างดี กระทบกันอยู่ที่ข้อมือแล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Evaṃ dutiyena sahā mam’ assa vācābhilāpo abhisajjanā vā /
etaṃ bhayaṃ āyatiṃ pekkhamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_23 // 
[๑๐๕] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งเปล่งอุทานว่า)
ด้วยอาการอย่างนี้ การกล่าววาจา
หรือความเกี่ยวข้องกับเพื่อน พึงมีแก่เรา
บุคคลเมื่อเพ่งเห็นภัยนี้ต่อไป
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
(010) Kāmā hi citrā madhurā manoramā virūparūpena mathenti cittaṃ /
ādīnavaṃ kāmaguṇesu disvā eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_24 // 
[๑๐๖] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
เพราะกามทั้งหลายสวยงาม มีรสอร่อย
น่ารื่นเริงใจ ยั่วยวนจิตด่วยอารมณ์หลายรูปแบบ
บุคคลเห็นโทษในกามคุณแล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Ītī ca gaṇḍo ca upaddavo ca rogo ca sallañ ca bhayañ ca m’ etaṃ /
etaṃ bhayaṃ kāmaguṇesu disvā eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_25 // 
[๑๐๗] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
คำว่า กาม นี้ เป็นอันตราย เป็นดุจฝี
เป็นอุปัททวะ เป็นโรค เป็นดุจลูกศร เป็นภัย
บุคคลเห็นภัยในกามคุณแล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Sītañ ca uṇhañ ca khudaṃ pipāsaṃ vātātape daṃsasiriṃsape cā /
sabbāni p’ etāni abhibhavitvā eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_26 // 
[๑๐๘] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
บุคคลพึงครอบงำภัยทั้งปวงแม้เหล่านี้ คือ
ความหนาว ความร้อน ความหิว ความกระหาย
ลม แดด เหลือบ และสัตว์เลื้อยคลาน
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Nāgo va yūthāni vivajjayitvā sañjātakhandho padumī uḷāro /
yathābhirantaṃ viharaṃ araññe eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_27 // 
[๑๐๙] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
พระปัจเจกพุทธเจ้าละทิ้งหมู่ มีขันธ์เกิดดีแล้ว
มีดอกบัว (คือธรรม) เป็นผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในป่าตามความชอบใจได้
เหมือนนาคะละทิ้งโขลงแล้วอยู่ในป่าได้ตามความชอบใจ
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Aṭṭhāna taṃ sāṅgaṇikāratassa yaṃ phassaye sāmayikaṃ vimuttiṃ /
Ādiccabandhussa vaco nisamma eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_28 // 
[๑๑๐] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
บุคคลใคร่ครวญถ้อยคำของพระปัจเจกพุทธเจ้า
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ว่า
บุคคลสัมผัสวิมุตติใด ซึ่งเกิดขึ้นตามสมัย
วิมุตตินั้น เป็นไปไม่ได้สำหรับบุคคล
ผู้ยินดีการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ดังนี้แล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Diṭṭhīvisūkāni upātivatto patto niyāmaṃ paṭiladdhamaggo /
uppannañāṇo 'mhi anaññaneyyo eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_29 // 
[๑๑๑] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ประพฤติล่วงทิฎฐิอันเป็นเสี้ยนหนาม
ถึงนิยาม ได้เฉพาะมรรคแล้ว
เป็นผู้มีญาณอันเกิดขึ้นแล้ว
ไม่ต้องให้ผู้อื่นแนะนำ
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Nillolupo nikkuho nippipāso nimmakkho niddhantakasāvamoho /
nirāsayo sabbaloke bhavitvā eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_30 // 
[๑๑๒] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) เป็นผู้ไม่โลภ ไม่หลอกลวง ไม่กระหาย
ไม่มีความลบหลู่ กำจัดสภาวะ (กิเลสดุจน้ำย้อม) และโมหะได้แล้ว
เป็นผู้ไม่มีความหวังในโลกทั้งปวง
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Pāpaṃ sahāyaṃ parivajjayetha anatthadassiṃ visame niviṭṭhaṃ /
sayaṃ na seve pasutaṃ pamattaṃ eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_31 // 
[๑๑๓] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
บุคคลพึงละเว้นสหายชั่ว
ผู้ไม่เห็นประโยชน์ ผู้ตั้งอยู่ในธรรมที่ผิด
ไม่พึงคบผู้ขวนขวาย และผู้ประมาทด้วยตนเอง
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Bahussutaṃ dhammadharaṃ bhajetha mittaṃ uḷāraṃ paṭibhānavantaṃ /
aññāya atthāni vineyya kaṅkhaṃ eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_32 // 
[๑๑๔] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
บุคคลพึงคบมิตรผู้ได้ศึกษามาก ทรงธรรม
ผู้ยิ่งใหญ่ มีปฏิภาณ รู้จักประโยชน์แล้ว
พึงกำจัดความสงสัยได้
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
(011) Khiḍḍaṃ ratiṃ kāmasukhañ ca loke analaṅkaritvā anapekkhamāno /
vibhūsanaṭṭhānā virato saccavādī eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_33 // 
[๑๑๕] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า ไม่ชื่นชมการเล่น
ความยินดีและความสุขในโลก ไม่ใส่ใจ
งดเว้นจากฐานะแห่งการประดับตกแต่ง พูดคำจริง
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Puttañ ca dāraṃ pitarañ ca mātaraṃ dhanāni dhaññāni ca bandhavāni ca /
hitvāna kāmāni yathodhikāni eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_34 // 
[๑๑๖] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ละทิ้งบุตร ภรรยา
บิดา มารดา ทรัพย์ ธัญชาติ
พวกพ้องและกามตามส่วนแล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Saṅgo eso parittaṃ ettha sokhyaṃ app’ assādo dukkhaṃ ev’ ettha bhiyyo /
kaṇḍo eso iti ñatvā matīmā eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_35 // 
[๑๑๗] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
กามนี้เป็นเครื่องข้อง
มีความสุขน้อยในกามนี้ มีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก
ผู้มีปัญญารู้ว่า กามนี้เป็นดุจขอเหล็กแล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Sandālayitvāna saṃyojanāni jālaṃ pahitvā salil’ ambucārī /
aggīva daḍḍham anivattamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_36 // 
[๑๑๘] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ทำลายสังโยชน์แล้ว
เหมือนสัตว์นำทำลายข่าย
และเหมือนไฟไหม้เชื้อมอดหมดไปไม่กลับมา
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Okkhittacakkhū na ca pādalolo guttindriyo rakkhitamānasāno /
anavassuto appariḍayhamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_37 // 
[๑๑๙] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
ภิกษุเป็นผู้ไม่สอดส่ายจักษุ
และไม่เป็นผู้มีเท้าอยู่ไม่สุข
คุ้มครองอินทรีย์ รักษาใจได้แล้ว
ไม่ชุ่มด้วยกิเลส ไฟกิเลสมิได้เผา
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Ohārayitvā gihibyañjanāni sañchinnapatto yathā pāricchatto /
kāsāyavattho abhinikkhamitvā eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_38 // 
[๑๒๐] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ปลงเครื่องหมายคฤหัสถ์แล้ว
ครองผ้ากาสาวะออกบวช
เหมือนต้นทองหลางมีใบทึบ
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Rasesu gedhaṃ akaraṃ alolo anaññaposī sapadānacārī /
kule kule appaṭibaddhacitto eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_39 // 
[๑๒๑] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ไม่ทำความยินดีในรส ไม่โลเล
ไม่ต้องเลี้ยงคนอื่น เที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับตรอก
มีใจไม่ผูกพันในตระกูลต่างๆ
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Pahāya pañcāvaraṇāni cetaso upakkilese byapanujja sabbe /
anissito chetvā snehapadosaṃ eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_40 // 
[๑๒๒] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ละเครื่องกั้นทางใจ ๕ ประการ
ขจัดอุปกิเลสแห่งจิตทั้งปวงได้แล้ว
ไม่อิงอาศัยเครื่องอาศัยคือทิฏฐิ
ตัดความรักและความชังได้แล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
(012) Vipiṭṭhikatvāna sukhaṃ dukkhañ ca pubbe va somanassaṃ domanassaṃ /
laddhān’ upekkhaṃ samathaṃ visuddhaṃ eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_41 // 
[๑๒๓] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ละสุข และทุกข์
โสมนัส โทมนัส ก่อนๆ ได้แล้ว
ได้อุเบกขาและสมถะอันสะอาดแล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Āraddhaviriyo paramatthapattiyā alīnacitto akusītavutti /
daḷhanikkamo thāmabalūpapanno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_42 // 
[๑๒๔] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ตั้งความเพียรเพื่อบรรลุประโยชน์อย่างยิ่ง
มีจิตไม่ย่อหย่อน ไม่ประพฤติเกียจคร้าน
มีความบากบั่นมั่นคง เข้าถึงเรี่ยวแรงและกำลังแล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Paṭisallānajhānaṃ ariñcamāno dhammesu niccaṃ anudhammacārī /
ādīnavaṃ sammasitā bhavesu eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_43 // 
[๑๒๕] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ผู้ไม่ละการหลีกเร้นและฌาน
ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมเป็นนิตย์
พิจารณาเห็นโทษในภพแล้ว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Taṇhakkhayaṃ patthayaṃ appamatto anelamūgo sutavā satīmā /
saṅkhātadhammo niyato padhānavā eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_44 // 
[๑๒๖] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) เมื่อปรารถนาความสิ้นตัณหา
ไม่ประมาท ไม่โง่เขลา
คงแก่เรียน มีสติ ผู้มีสังขตธรรม
ผู้แน่นอน มีความมุ่งมั่น
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Sīho va saddesu asantasanto vāto va jālamhi asajjamāno /
padumaṃ va toyena alimpamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_45 // 
[๑๒๗] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ไม่สะดุ้งในเพราะเสียงเหมือนราชสีห์
ไม่ติดข่ายเหมือนลม
ไม่เปียกน้ำเหมือนบัว
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Sīho yathā dāṭhabalī pasayha rājā migānaṃ abhibhuyyacārī /
sevetha pantāni senāsanāni eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_46 // 
[๑๒๘] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
พญาสีหราชมีเขี้ยวเป็นกำลัง ข่มขี่
ครอบงำเนื้อทั้งหลายเที่ยวไป ฉันใด
พระปัจเจกพุทธเจ้าก็มีปัญญาเป็นกำลัง
ครอบงำบุคคลทั้งหลายด้วยปัญญา
ใช้สอยเสนาสนะอันสงัด
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Mettam upekkhaṃ karuṇaṃ vimuttiṃ āsevamāno muditañ ca kāle /
sabbena lokena avirujjhamāno eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_47 // 
[๑๒๙] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) เสพอาศัยเมตตา
กรุณา มุทิตา และอุเบกขา อันเป็นวิมุตติตามกาล
สัตว์โลกทั้งปวงมิได้เกลียดชัง
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Rāgañ ca dosañ ca pahāya mohaṃ sandālayitvāna saṃyojanāni /
asantasaṃ jīvitasaṅkhayamhi eko care khaggavisāṇakappo. // ApPac_48 // 
[๑๓๐] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า) (พระปัจเจกพุทธเจ้า) ละราคะ โทสะ
และโมหะ ทำลายสังโยชน์ได้เสีย
ไม่สะดุ้งในเวลาสิ้นชีวิต
จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
(013) Bhajanti sevanti ca kāraṇatthā nikkāraṇā dullabhā ajja mittā /
attaṭṭhapaññā asucī manussā eko care khaggavisānakappo.* // ApPac_49 // 
[๑๓๑] (พระปัจเจกพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งกล่าวว่า)
ทุกวันนี้ มิตรทั้งหลายมีประโยชน์เป็นเหตุ
จงคบและเสพด้วย มิตรที่ไม่มุ่งประโยชน์หาได้ยาก
มนุษย์ทั้งหลายมีปัญญามุ่งประโยชน์ตน ไม่สะอาด
พระปัจเจกพุทธเจ้า จึงประพฤติอยู่ผู้เดียวเหมือนนอแรด 
Visuddhasīlā suvisuddhapaññā samāhitā jāgariyānuyuttā /
vipassakā dhammavisesadassī maggaṅgabojjhaṅgagate vijaññā. // ApPac_50 // 
[๑๓๒] พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย มีศีลบริสุทธิ์ (ด้วยปาริสุทธิศีล ๔)
มีปัญญาหมดจดดี มีจิตตั้งมั่น
หมั่นประกอบธรรมเป็นเครื่องตื่น
เห็นแจ้ง(ไตรลักษณ์) เห็นธรรมวิเศษ
รู้อยู่โดยพิเศษซึ่งอริยธรรมที่ประกอบด้วยองค์มรรคและโพชฌงค์ 
Puññappaṇidhiñ ca tathānimittaṃ āsevayitvā Jinasāsanamhi /
ye sāvakattaṃ na vajanti dhīrā bhavanti paccekajinā sayambhū. // ApPac_51 // 
[๑๓๓] ธีรชนเหล่าใดเจริญสุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์
และอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว
ยังไม่บรรลุความเป็นสาวกในศาสนาพระชินเจ้า
ธีรชนเหล่านั้นย่อมเป็นพระสยัมภูปัจเจกชินเจ้า 
Mahantadhammā bahudhammakāyā cittissarā sabbadukkhoghatiṇṇā /
udaggacittā paramatthadassī sīhopamā khaggavisāṇakappā. // ApPac_52 // 
[๑๓๔] พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายมีธรรมยิ่งใหญ่
มีธรรมกายมาก มีจิตเป็นอิสระ
ข้ามห้วงแห่งทุกข์ทั้งมวลได้แล้ว มีจิตเบิกบาน
มีปกติเห็นประโยชน์อย่างยิ่ง เหมือนราชสีห์ เหมือนนอแรด 
Santindriyā santamānā samādhī paccanta sattesu satippacārā /
dīpā parattha idha vijjalantā paccekabuddhā satataṃ hitā 'me. // ApPac_53 // 
[๑๓๕] พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านี้มีอินทรีย์สงบแล้ว มีจิตสงบแล้ว
มีจิตเป็นสมาธิ ประพฤติตอบแทน(ด้วยความเอ็นดูและความกรุณา)
ในเหล่าสัตว์ที่อยู่ตามชายแดน
เหมือนดวงประทีปส่องสว่างอยู่ในโลกนี้
และในโลกหน้า เกื้อกูลสัตว์โลกเป็นนิตย์ 
Pahīnasabbāvaraṇā janindā lokappadīpā ghanakañcanābhā /
nisaṃsayaṃ lokasudakkhiṇeyyā paccekabuddhā satataṃ hitā 'me. // ApPac_54 // 
[๑๓๖] พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านี้เป็นผู้สูงสุดในหมู่ชน
ละเครื่องกั้นทั้งปวงได้แล้ว เป็นดวงประทีปของโลก
มีรัศมีเช่นกับประกายแสงแห่งทองแท่ง
เป็นผู้สมควรรับทักษิณาอย่างดีของชาวโลกอย่างแน่นอน
พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านี้เป็นผู้แนบแน่นอยู่เป็นนิตย์ 
Paccekabuddhānaṃ subhāsitāni caranti lokamhi sadevakamhi /
sutvā tathā ye na karonti bālā bhamanti dukkhesu punappunan te. // ApPac_55 // 
[๑๓๗] ถ้อยคำที่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวไว้ดีแล้ว
ย่อมแผ่ไปในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ชนพาลเหล่าใดได้ฟังแล้ว
ไม่ใส่ใจถึงคำที่พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนั้น
ชนพาลเหล่านั้นย่อมแล่นไปในกองทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำอีก 
Paccekabuddhānaṃ subhāsitāni madhuṃ yathā khuddam iva ssavantaṃ /
sutvā tathā ye paṭipattiyuttā bhavanti te saccadasā sapaññā. // ApPac_56 // 
[๑๓๘] ถ้อยคำที่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวไว้ดีแล้ว
เป็นถ้อยคำไพเราะ ดุจน้ำผึ้งหยาดน้อยๆ ไหลหยดลงฉะนั้น
ชนเหล่าใดได้ฟังแล้วปฏิบัติตามอย่างนั้น
ชนเหล่านั้น เป็นผู้เห็นสัจจะ มีปัญญา 
(014) Paccekabuddhehi Jinehi vuttā gāthā uḷārā abhinikkhamitvā /
tā Sakyasīhena naruttamena pakāsitā dhammavijānanatthaṃ. // ApPac_57 // 
[๑๓๙] คาถาที่พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวไว้แล้ว เป็นคาถาที่โอฬาร
ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นคำที่พระศากยสีหะผู้สูงสุดในนรชน
เสด็จออกผนวชประกาศไว้แล้วเพื่อให้เวไนยสัตว์ได้รู้ธรรม 
Lokānukampāya imāni tesaṃ paccekabuddhānaṃ vikubbitāni /
saṃvegasaṅgāmativaḍḍhanatthaṃ sayambhusīhena pakāsitāni ti // ApPac_58 // 
[๑๔๐] ถ้อยคำเหล่านี้ ที่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น
กล่าวไว้แล้วเพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก ซึ่งพระสยัมภูผู้สีหะ(นำมา)
ประกาศไว้เพื่อเพิ่มพูนความสลดสังเวช
ความไม่คลุกคลี และปัญญา 
Paccekabuddhāpadānaṃ samattaṃ dutiyaṃ. 
ปัจเจกพุทธาปทาน จบ 
Go to Wiki Documentation
Enhet: Det humanistiske fakultet   Utviklet av: IT-seksjonen ved HF
Login